ประวัติเริ่มต้นของ Final Fantasyhttp://www.insitecartoon.com/mbs/emotion3/showQAnswer.asp?qNo=3756

Final Fantasy I
http://www.insitecartoon.com/mbs/emotion3/showQAnswer.asp?qNo=4054

--------------------------------------------------------------------------------

Final Fantasy II Plot :
จักรวรรดิบาราเมเกียที่ชั่วร้าย ทำการกดขี่และรุกรานอาณาจักรต่างๆไปทั่วโลก สี่หนุ่มสาวผู้ถูกทำลายล้างครอบครัวในสงคราม ได้เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติ ที่นำโดยเจ้าหญิงฮิลด้า พวกเขาต้องผ่านการผจญภัยมากมาย ต้องต่อสู้กับทั้งมอนสเตอร์ และกองทัพของฝ่ายจักรวรรดิ การต่อสู้เพื่ออิสรภาพเป็นไปอย่างยากลำบาก จนในที่สุดพวกเขาก็เข้าถึงตัวจักรพรรดิบาราเมเกียและปราบจอมทรราชคนนี้ลงจนได้ ทว่า…เบื้องหลังของจักพรรดิยังมีผู้ชั่วร้ายยิ่งกว่ารอคอยอยู่เบื้องหลัง สิ่งนั้นคือพลังงานแห่งความชั่วร้ายที่แฝงเร้นในจักรวาล เมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายหรือ Dark Cloud นั่นเอง

Final Fantasy II วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17, (เดือน??) ปี 1988. และทิ้งห่างภาคแรกไปมากในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะในด้านของพล็อตเรื่องที่หลากหลายขึ้น หรือในเรื่องของ system ของตัวเกมเอง Final Fantasy II ได้พัฒนาระบบขึ้นมา จนเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ คือใช้ระบบฝึกฝนครับ อย่างเวทย์มนต์หรืออาวุธที่ยิ่งใช้มาก ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นต้นแบบของเกมตระกูล SaGa ครับ FF2 วางจำหน่าย เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และไม่เคยมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษออกมาเลย นอกจากต้องอาศัย Emulator เล่นเอาครับ มี Patch ที่เป็นภาษาอังกฤษออกมานานแล้วด้วย คุณภาพก็พอใช้ได้ครับ ไว้มีเวลาจะอัพโหลดไว้ให้ลองรำลึกอดีตกัน มีเกร็ดเล็กกล่าวไว้ว่า ฮิโตมิชิ ทานากะ ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของแสควร์กล่าวเอาไว้ว่า ทางแสควร์ได้เตรียมการ จะวางจำหน่ายเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของ FF2 เอาไว้เนิ่นนานแล้ว เพียงแต่ตอนนั้น แสควร์กับนินเทนโดมี "ปัญหาเล็กๆ" กันอยู่ เวอร์ชั่น Eng ของ FF2 เลยเป็นหมันไปด้วยประการฉะนี้
-------------------------------------------------------------------------------
Final Fantasy III Plot :
เด็กหนุ่ม 4 คนจากหมู่บ้านเล็กๆชื่อ Uru ได้ตกลงไปในเหวเล็กๆ และค้นพบวิหารโบราณที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน วิหารนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อพิทักษ์คริสตัลแห่งลม เด็กทั้งสี่ได้กลายเป็นนักรบแห่งแสงที่ถูกเลือกโดยคริสตัลแห่งลม และพวกเขาต้องรับภาระการนำความสมดุลย์กลับมาสู่โลกใบนี้อีกครั้ง หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน ต้องต่อสู้กับนักสู้และมอนสเตอร์ที่ชั่วร้ายมากหน้าหลายตา พวกเขาอาศัยเรือเหาะของซิดเดินทางออกจากทวีปลอยฟ้าอันเป็นบ้านเกิด และช่วยโลกจากการจมอยู่ใต้น้ำโดยความช่วยเหลือจาก Elia สาวน้อยแห่งห้วงน้ำผู้มีพลังจากคริสตัลแห่งน้ำ ศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาคือจอมมาร Zande ผู้ใช้พลังแห่งความมืดหมายครอบครองโลกใบนี้

แฟนๆที่เคยเล่นมาส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจาก Final Fantasy 3 กัน ส่วนที่ประทับใจผู้เล่นมากที่สุดน่าจะเป็นระบบ JOB System และการออกแบบตัวละคร รองลงมาก็เป็นพล็อตเรื่อง ซึ่งดูๆไปยังไม่ดีใกล้เคียงภาคที่แล้วคือภาคสองเท่าไหร่ ทว่าตัวเกมก็ทำให้เห็นสิ่งหนึ่งซึ่งกลายมาเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งใน Engine ของเกม RPG นั่นก็คือพัฒนาการของตัวละครครับ ตัวละครที่เราเล่น จะเริ่มจากเด็กหนุ่ม ซึ่งมีอาชีพเริ่มต้นเป็นนักรบหัวหอม การผจญภัยนำพวกเขาไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนที่พบระหว่างการผจญภัย ก็ยิ่งทรงพลังขึ้นจากซาร่าห์ องค์หญิงในประเทศเล็กๆ จนท้ายที่สุด โดก้าและอุเน่ จอมเวทย์ผู้ควบคุมความฝันและกาลเวลา
โดยส่วนตัวต้องแทรกตรงนี้นิดนึงว่า ผู้เรียบเรียงคือผมเอง เล่น FF ภาคนี้เป็นภาคแรกเหมือนกัน และประทับใจเอามากๆเลย และเชื่อว่าแฟนๆของ FF Series ทั่วโลกก็คงคิดเหมือนกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เครื่อง Famicom ฮิตระเบิด เกมต่างๆ เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวเครื่อง ผู้พัฒนาเกม จึงไม่สามารถสร้างกราฟฟิคและเสียงได้เท่าที่ต้องการ จึงต้องหันมาเล่นกับเนื้อหา และระบบของตัวเกมแทน FF 3 และ DQ 4 เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับสถานการณ์ในตอนนั้นครับ
ด้วยภาพที่จัดว่าสุดยอดสำหรับเครื่อง 8 bit และเพลงประกอบที่กินใจ พล็อตเรื่องที่แหวกแนว RPG ทั่วไปจะเน้นการต่อสู้ระหว่างแสงสว่างและความมืด แต่ FF 3 มุ่งไปที่การรวมกันให้เป็นหนึ่ง และกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น แถมตัวละคร ก็ไม่ได้ถูกจำกัด ความสามารถไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกตัวสามารถเปลี่ยนระดับความสามารถ ด้วยระบบที่เรียกว่า JOB System แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนได้โดยไม่มีข้อจำกัดเหมือน FF 5 นะครับ การเปลี่ยน JOB ต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า C หรือ class points ในการเปลี่ยน แต่ละ JOB ก็ใช้ประโยชน์ได้ในแบบฉบับของตัวเอง FF3 ในปัจจุบันขึ้นทำเนียบเกมคลาสสิค ในหัวใจเกมเมอร์ทั่วโลก และยังคงกล่าวขานกันอยู่มาถึงปัจจุบัน
------------------------------------------------------------------------------

Final Fantasy IV Plot :
เซซิลผู้รักความยุติธรรม อัศวินดำผู้บัญชาการกองเรือปีกโลหิต ผู้โดนเนรเทศจากบ้านเกิดเมืองนอนเพราะขัดคำสั่งพระราชา การเดินทางของเขา ทำให้พบเพื่อนผองมากมาย รวมทั้งความเป็นมาเป็นไปของเซซิล จากเด็กกำพร้า ที่พระราชาเก็บมาเลี้ยง กลายมาเป็นทายาทของนักรบจากนครแห่งดวงจันทร์ มากไปกว่านั้น บุรุษผู้เปรียบเสมือนเงาแห่งความมืด ที่เป็นศัตรูกับเซซิลมาตลอด กอลเบซ กลับเป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตของเขาเอง แกนของเรื่องยังคงอยู่ที่การรวบรวมคริสตัล เหมือนภาค 3
เซซิล เป็นตัวเอกหนึ่งในไม่กี่ตัวที่ประทับใจแฟนๆอย่างสุดๆ ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่แต่ด้านมืดและความชั่วร้าย ตัวของเซซิลเอง ไม่ได้ปฏิเสธความมืดโดยสิ้นเชิง แต่ก็พยายามเดินไปสู่หนทางแห่งแสงสว่าง โดยมีโรซ่าคนรัก และเพื่อนพ้องคนอื่นเป็นกำลังใจ จนสุดท้าย ด้วยการฝึกจิตบนภูเขาแห่งพาลาดีน เซซิลก็หลุดจากวิถีแห่งมารในที่สุด

Final Fantasy 4 เป็นภาคแรกที่รวบรวมความหลากหลายของตัวละครเอาไว้ เป็นต้นว่า ไกน์ เพื่อนรักของเซซิลผู้มีชะตากรรมในด้านมืดเช่นเดียวกัน หมอนี่เปลี่ยนพรรคบ่อยพอๆ กับนักการเมืองไทย เอจเจ้าชายนินจาผู้หยาบคายแต่รักเพื่อนพ้อง ซิดเจ้าของเรือเหาะ ที่เราคุ้นเคยกัน ไปจนถึงฟุซุยะ ผู้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนปรมาจารย์โยดา ผู้คอยชี้ทางให้กับอัศวินเจได จะเห็นได้ว่า ในส่วนของตัวละครจะเริ่มมีความลึก เริ่มมีมิติมากกว่าภาคที่ผ่านๆมา และพัฒนาขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดใน FF 6

แถมท้าย
ความสำเร็จของ FF4 นอกจากตัวเกมเองแล้ว การวางแผนการตลาดของแสควร์ ก็มีผลด้วย (จะเอาไว้เล่าในส่วนของ Final Fantasy Mystic Quest นะครับ) ในสมัยนั้นเกมนี้ ถือเป็นหนึ่งในหัวหอก บุกตลาดของนินเทนโดกับเครื่อง Super Famicom ครับ ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน กราฟฟิคที่นุ่มนวลสวยงาม และเพลงประกอบที่สุดยอด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า แฟนๆ ทั่วโลกจะให้การต้อนรับ FF4 กันขนานใหญ่ นับเป็นหนึ่งในสองซีรี่ส์ ที่เป็นจุดหักเหของ FF ครับ คือ ภาค 4 และ 7 ทั้งการเปลี่ยนระบบเครื่องจาก Famicom ไปเป็น Super Famicom และจาก SFC ไปเป็น PS รวมไปถึงจำนวนของตัวละครในฉากต่อสู้ด้วย อย่างไรก็ตาม FF4 ยังมีอะไรพิเศษๆ ต่อเนื่องไปยังภาค 5 เหมือนกัน คอยติดตามรายละเอียดใน FF5 นะครับ

Detial
Released: August 21, 1991 in Japan.
November 1991 in USA (as Final Fantasy II).
Systems: Super Famicom, Super Nintendo (SNES)
-------------------------------------------------------------------------------

Final Fantasy V Plot :
เรื่องราวเริ่มขึ้นในวันที่อุกาบาตตกลงมาสู่โลก ไม่มีใครรู้ว่าสะเก็ดดาวขนาดยักษ์เหล่านั้น หลุดมาจากไหน นักรบเพนจร องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ โจรสลัดสาวจอมทรนง และชายแก่ความจำเสื่อม พวกเขาทั้งสี่คนต่างมองเห็นและทราบว่า การเห็นดาวตกในครั้งนี้ จะเปลี่ยนชะตากรรมทั้งชีวิตของพวกเขาไปแน่นอน
พวกเขาพบกันและรวมกลุ่มเดินทางเพื่อค้นหาความจริง จนในที่สุดทราบว่า สะเก็ดดาวเหล่านั้นมาจากอีกมิติหนึ่ง เป็นพาหนะของคนสองกลุ่ม กลุ่มแรก ต้องการพลังแห่งคริสตัล แก้วผลึกที่รวมเอาพลังแห่งธาตุประจำธรรมชาติเอาไว้ ส่วนอีกกลุ่มต้องการจะปกปักรักษามัน เหล่าตัวเอกต้องข้ามไปสู่อีกโลกหนึ่ง เพื่อขัดขวางจอมมารร้ายเอ็กซ์เดธ และคนสนิทกิลกาเมช ที่ต้องการเอาพลังแห่ง MU มาเป็นของตน
เอ็กซ์เดธเคยถูกกลุ่มผู้กล้าในอดีตกักเอาไว้ แต่มันก็ยังหลุดรอดออกมาได้ และยังคงดำเนินแผนสานต่อปณิธานชั่วของตนต่อไป ไม่มีใครแล้วนอกจากเหล่าตัวเอก ทายาทของผู้กล้ารุ่นก่อน ที่จะต้องทำการเปิดผนึกอาวุธเทพทุกชิ้น ตะลุยเข้าไปสู่ชะง่อนผาแห่งห้วงมิติ เพื่อกำจัดเอ็กซ์เดธลงให้จงได้

เชื่อว่าจนถึงบัดนี้ Final Fantasy Anthology คงผ่านตาเราไปเรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อไหมครับว่า เมื่อก่อน ราวๆปี 1993 แฟนๆทั่วโลกต่างชะเง้อรอฟังข่าว Eng Version ของ FF5 กันคอจะยืด ในที่สุดการรอก็จบลงด้วยความผิดหวัง เพราะ Square ให้เหตุผลไปว่า FF5 มีความซับซ้อนมากกว่าที่นักเล่นชาวอเมริกันจะรับได้ ตรงนี้ก็มีข่าวลือออกมาเหมือนกันว่า Square เคยเตรียมพร้อมทุกอย่างสำหรับการวางตลาด FF5 ไว้ทุกอย่างแล้ว บังเอิญว่ามีปัญหาขัดข้องเล็กๆน้อยกับ Nintendo ในเรื่องของหน่วยความจำเกมส์และการวางตลาด เพราะสมัยนั้น เกมที่วางจำหน่าย ในต่างประเทศของ Nintendo ถูกจำกัดหน่วยความจำเอาไว้ไม่เกิน 12 Mbit ทำให้แสควร์ซอฟต์ต้องพับโปรเจ็คนี้ไป ด้วยความโมโห และกลับมาใหม่ ในอีกหลายปีถัดมาด้วย FF6 หรือชื่อใน US Version ว่า Final Fantasy III
หลายปีผ่านไปกับอีกหลายโครงการณ์ ในช่วงที่ FF7 รุ่งมากๆนั้น Edios เคยประกาศจะนำ FF5 กลับมารีเมคใหม่ รวมไปถึงโปรเจ็คของแสควร์เองที่จะเอา FF5 มาทำใหม่ในชื่อ Final Fantasy Extremes แต่ข่าวก็เงียบหายไปเหมือนน้ำในชักโครก พร้อมๆกับกาลอวสานของเครื่องเล่นเกมส์แบบ 16 Bit และท้ายที่สุดเมื่อเร็วๆนี้ Square Soft ก็วางจำหน่าย Final Fantasy Collections ในญี่ปุ่น โดยการรวมเอาภาค 4-5-6 มาไว้บนระบบเพลย์สเตชั่น ส่วนทางฟากตะวันตกนั้นอยู่ในชื่อ Final Fantasy Anthology ที่น่าเสียดายว่ามีเฉพาะภาค 5 กับ 6 เท่านั้น ภาค 4 ทำไม่ได้ เนื่องจากยังติดปัญหาลิขสิทธิ์กับนินเทนโด ซึ่งเป็นคนถือสิทธิ์การจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ เหตุผลนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในรอยแยกแบบร้าวลึก จนทำให้แสควร์หนีหน้านินเทนโด หันไปสนับสนุนโซนี่แทนก็เป็นได้ครับ

Detial
Released: December 6, 1992 in Japan.
Not released in USA.
Systems: Super Famicom
-------------------------------------------------------------------------------

Final Fantasy VI Plot :
จักรวรรดิกัสโทรา พยายามจะที่จะฟื้นฟูอำนาจแห่ง "เวทย์มนตร์" ซึ่งสาบสูญไปนับพันๆ ปีขึ้นมาใหม่ ทีน่าหญิงสาวผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเวทย์มนตร์ คือกุญแจที่จะไขเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่าง เธออยู่กับกองทัพจักรวรรดิ์ ในฐานะทหาร ที่มีเครื่องควบคุมจิตบังคับอยู่ ทำให้ทีน่าไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ของทางจักรวรรดิ์กัสโทราเท่านั้น ด้วยอุบัตเหตุที่เหมืองนาลเช่ ทีน่าได้พบกับล็อค จอมโจร ... เอ๊ย ... นักล่าสมบัติ ผู้ที่เบื้องหลังทำงานให้กับกลุ่มต่อต้านจักรวรรดิ Returner เธอต้องตัดสินใจอย่างหนัก ว่าจะเลือกอยู่กับฝ่ายจักรวรรดิ์ หรือฝ่าย Returner
การแสวงหาอำนาจของจักรวรรดิ กลุ่มผู้ต่อต้านภายใต้การนำของผู้เฒ่าบานอน ได้รวมตัว และแสวงหาวิธีการมาต่อต้านฝ่ายจักรวรรดิ การได้ตัวทีน่ามาร่วมกลุ่ม ช่วยทำให้บานอน และพรรคพวก มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง Magic หรือเวทย์มนตร์ คือสิ่งที่คู่ปรปักษ์ ทั้งสองฝ่ายต้องการมาครอบครอง ทว่า ความลับของพลังแห่งเวทย์มนตร์ อยู่ที่เหล่าอสูรในโลกมายา และหนึ่งเดียวที่จะเป็นสื่อติดต่อระหว่างโลกของอสูรกับมนุษย์ได้ ก็คือ ทีน่า - ลูกครึ่งอสูรกับมนุษย์
ท้ายที่สุด ผู้ที่ได้รับพลังของสามเทวรูป อันเป็นแหล่งพลังงานของโลกอสูรไป ก็คือหนึ่ง ในบรรดาคนสนิทของจักพรรดิกัสโทรา ผู้วิเศษเคฟก้า อดีตอาจารย์ของทีน่านั่นเอง เคฟก้าเป็นคนทะเยอทะยาน ทำทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมาย เพื่ออำนาจ เคฟก้าทำได้ แม้กระทั่งสังหารนายเหนือของตน เขาอาศัยอำนาจที่ได้จากสามเทวรูป ทำลายโลกจนแทบจะราบเป็นหน้ากลอง ทีน่าและผองเพื่อน ก็กระจัดกระจายกันไป แบบไม่ทราบชะตากรรม โลกนี้ดูเหมือนไม่มีความหวังอีกต่อไปเสียแล้ว....


The Heroes
FF VI โดยรวมแล้ว ไม่มีตัวละครใด ที่เป็นตัวละครหลักในการเล่นอย่างแท้จริง แม้ว่าบางตัว จะมีบทบาทมากกว่าตัวอื่นๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วผู้เล่นก็ยังมีอิสระในการจัดกลุ่ม พัฒนาตัวละครที่ตนชื่นชอบได้ตามแบบของตนเอง แถมในช่วงท้ายของเกม ผู้เล่นยังสามารถข้ามการตามหาเพื่อน หรือ เนื้อเรื่องย่อยอื่นๆ เพื่อไปถล่มเคฟก้าบนหอคอย ได้เลยทันทีที่ได้เรือเหาะลำสุดท้ายมา
ตัวละครที่เป็นแกนของเรื่องคือทีน่า แบรนฟอร์ด ลูกครึ่งมนุษย์กับอสูร ผู้พยายามมาชั่วชีวิต เพื่อค้นหาอารมณ์ ความรู้สึกในฐานะมนุษย์ โดยเฉพาะ สิ่งที่เรียกกันว่าความรัก เพราะเธอไม่รู้จัก และไม่รู้สึกมาก่อนนั่นเอง ท้ายที่สุด ทีน่าก็ได้พบกับความรักสมใจ ตรงนี้ต้องปรบมือให้คนเขียนบทครับ ความรักของทีน่านั้น เป็นความรักที่เป็นสากล และยิ่งใหญ่ที่สุด ใช่แล้วครับ ความรักตามสัญชาติญาณของเพศแม่ คนที่เคยเล่นจะจำได้ดี ว่าฉากที่ว่านี้ซึ้งและกินใจขนาดไหน
เหล่าอสูรในภาคหกนี้มีความลึกด้านบุคลิก มีความรู้สึกนึกคิดมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา และแน่นอนครับ ตัวละครสำคัญของภาคนี้จะขาดความสมบูรณ์ไม่ได้เลย หากขาดชื่อของคนๆ นี้ไป นายพลเลโอ ซึ่งเราสามารถบังคับเขาได้นาน เพียงแค่พอให้เคฟก้าฆ่าเขาตายเท่านั้น นิสัยที่ซื่อสัตย์ ความจงรักต่อเหนือหัว ตลอดไปจนความเป็นสุภาพบุรุษนักรบของเลโอ ได้ทำให้แฟนๆ ประทับใจเขาพอๆ กับตัวละครหลักอื่นๆเลยทีเดียว

The Game
กราฟฟิคของ FFVI ถือว่าดีที่สุดในซีรี่ส์นี้สำหรับแบบ 2D นอกจากนี้แฟนๆ จำนวนมากยังยกให้เป็นภาคที่มี Soundtrack ประกอบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ภาคหลังๆอย่าง 7-8-9 ยังสู้ไม่ได้ ระบบการต่อสู้ของภาคนี้ ใช้ระบบเครื่องประดับหรือ Relic System โดยให้ตัวละคร สามารถสวมใส่สื่งที่เรียกว่า Accessories ได้คนละสองชิ้น เพื่อรวมเอาความสามารถแต่ละแบบ จากเครื่องประดับแต่ละชิ้นออกมา เช่นเมื่อใส่ถุงมือเกนจิ (จับดาบสองมือ) คู่กับกำไลไลเค็น (ฟันสี่ครั้ง) แล้ว จะสามารถโจมตีศัตรูได้ถึง 8 ครั้งใน 1 เทิร์นการโจมตี ซึ่งก็แล้วแตู้เล่นว่า ต้องการประยุกต์ความสมารถใดค่กับความสามารถใด
นอกจากนี้ ยังมีระบบของศิลามาร หรือ Megicites ที่ช่วยให้ตัวละคร สามารถจดจำเวทย์มนตร์ได้ โดยอาศัยการติดตั้งศิลามาร ผู้เล่นสามารถเรียกอสูรมาช่วย ได้หนึ่งครั้งต่อหนึ่งการต่อสู้ โดยอสูรที่เรียกออกมานั้น จะออกมาตามประเภทศิลามาร ที่ผู้เล่นสวมใส่

อื่นๆ
Final Fantasy VI ประสบความสำเร็จอย่างสูงในญี่ปุ่น แน่นอนว่าความสำเร็จนี้ ยังรวมถึงในตลาดโลกอีกด้วย มีแฟนๆ นับล้านคนที่เริ่มเล่น RPG Console เพราะ FFVI แม้ว่าเกมนี้ จะวางตลาดนานแล้ว ก็ยังมีคนถามหาและยังเล่นกันอยู่กับ RPG ที่มีความเป็น Drama สูงเกมนี้ แถมท้ายอีกนิดนึงครับ ไฟนอล แฟนตาซี 6 เป็นภาคที่เน้นความรัก ได้หลากหลายที่สุดเท่าที่มีมา ความรักที่มีต่อชาติบ้านเมือง ของไกเอ็นกับเลโอ ความรักร่วมสายเลือด ระหว่างเอ็ดการ์และมาร์ช ความรักฉันท์หนุ่มสาว ของเซเลส ล็อค และราเชล ความห่วงใยของปู่หลานแห่งธามาซ่า และความรักที่สำคัญที่สุด เกิดขึ้นกับตัวเอกเองคือทีน่า เป็นความรักที่ทุกคนยอมรักว่า เป็นรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด นั่นคือความรักของแม่ที่มีต่อลูกๆ เด็กกำพร้าทั้งหลายที่เธอดูแลอยู่ และที่สำคัญที่สุด คงเป็นความรักของแฟนๆ ที่มีต่อ FF series ที่ไม่ว่าจะออกมากี่ภาคๆ ก็ยังคงความประทับใจ ได้อย่างไม่เสื่อมคลายนั่นเอง

Detial
Released: April 2, 1994 in Japan. October 1994 in USA (as Final Fantasy III).
Systems: Super Famicom, Super Nintendo (SNES)
--------------------------------------------------------------------------------

Final Fantasy VII Plot :
บริษัทเอกชน Shinra corporation ทำการสูบพลังงานที่เรียกว่า แมคโค เอนเนยี่ อันเป็นพลังงานแห่งดาวเคราะห์ มาใช้ประโยชน์ ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านจากคนบางกลุ่ม คลาวด์ นักรบหนุ่ม อดีตทหารของชินระ ได้รับการจ้างวานจากกลุ่ม Avalance ให้ระเบิดเตาพลังงานหลัก ของชินระ ในมหานครมิดการ์
แบร์เร็ต หัวหน้าของแอวาลานซ์ ทราบดีถึงเบื้องหลังของเตาพลังงาน ว่ามันจะสูบ พลังชีวิต ที่เรียกว่า Lifestream ออกมาจากโลก แล้วแปลงเป็นพลังงาน ถ้า Lifestream โดนสูบออกมาเรื่อยๆ โลกจะกลายเป็นดาวแห่งความตาย ในไม่ช้า เขาและพรรคพวก ได้อาศัยวิธีการกองโจร เข้าก่อวินาศกรรม เพื่อต่อต้านชินระทุกวิถีทาง แบร์เร็ตได้ดึงตัวคลาวด์ อดีตทหารหนุ่มฝีมือดี จากหน่วยรบของชินระเข้ามาช่วย โดยคลาวด์เอง ก็เคยมีความสัมพันธ์ แบบเพื่อนในวัยเด็กกับ ทีฟา สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มแอวาแลนซ์
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ กลุ่มต่อต้านเล็กๆ ของแบร์เร็ต ไม่มีทางจะสู้รบปรบมือ กับกองทัพของ ชินระ คอร์เปอร์เรชัน ได้ เมื่อโดนทำลายฐานที่มั่น และถูกจับ เรื่องราวก็ได้โยงใยไปยัง Sephiroth นักรบผู้โด่งดังที่สุดในโลก เซฟิรอธน่าจะตายไป ในเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ที่เมือง นิเบิลเฮล์ม บ้านเกิดของคลาวด์และทีฟาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่นอกจากไม่ตายแล้ว เซฟิรอธยังกลับมา พร้อมด้วยจุดมุ่งหมายอันน่าสะพรึงกลัว เขาตามหาสถานที่ที่เรียกว่า ดินแดนแห่งสัญญา เพื่อบรรลุถึงจุดมุ่งหมาย ในการเรียกเมเทโอเข้ามาชนโลก เพื่อฟื้นฟูเผ่าพันธุ์โบราณ อันเป็นต้นกำเนิดของเขา JENOVA
ด้วยความเสียสละของเอริธ หญิงสาวขายดอกไม้ในสลัม ซึ่งที่แท้จริงสืบเชื้อสายมาจาก เผ่าที่ชื่อว่า เซทรา โลกก็ได้ปลอดภัยจากเมเทโอพร้อมๆ กับการล่มสลาย ของมหานครมิดการ์ ที่ตั้งของ ชินระ คอมพานี


The Game
Final Fantasy VII ถือเป็นการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ ประจำซีรี่ส์ เพราะเป็นภาคแรก ที่นำมาซึ่งความตื่นตาตื่นใจที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง จากภาคก่อนๆ เริ่มต้นจากความจุของเกม โลกทัศน์ ฮาร์ดแวร์ ตลอดไปจนสื่อที่ใช้ เรียกว่าพลิกโฉม ของประวัติศาสตร์ FF ไปเลยก็ว่าได้
ด้วยทุนสร้างประมาณ 30 ล้านเหรียญ สตาฟราว 120 คนต่างทุ่มกายทุ่มใจกับ FF VII อย่างเต็มที่ จาก CG ที่หาใครเทียบไม่ได้ในตอนนั้น บทที่เขียนมาอย่างดี และ Music Score ที่รวมเอาเพลงประกอบเพราะๆร่วมร้อยเพลง ใครๆ ก็สามารถเดาได้ว่า FF VII ต้องประสบความสำเร็จ อย่างไม่เคยมีมาก่อนในวงการ RPG แน่ๆ ซึ่งก็จริงเสียด้วยสิครับ
นอกจากระบบแล้ว จุดเด่นของ Series นี้ก็อยู่ที่การตัดต่อระหว่าง Movies กับการเล่น ซึ่งทำได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด เป็นผลให้ผู้เล่น อินหนักกับตัวเกมเข้าไปใหญ่ จนทำให้แสควร์ เอาระบบนี้ ซึ่งตั้งชื่อเอาไว้เสียหรูว่า Cinematic RPG ไปใช้กับ Parasite Eve ซอฟต์ตัวหลังซึ่งตามออกมาในเวลาไม่นานนัก
ส่วน Battle System นั้นหันมาใช้ระบบที่เรียกว่า Materia ซึ่งเอาระบบ "Job System" จากภาค 5 และ "Accessory System" จากภาค 6 มารวมกัน โดยยึดหลักการที่ว่า อาวุธของตัวละครแต่ละตัว จะมี slot หรือช่องเล็กๆเอาไว้ใส่ Materia ที่มีคุณสมบัติและ Ability ต่างๆเอาไว้ เมื่อฝึกฝนไปถึงระดับหนึ่ง Materia ก็จะเติบโตและคายคุณสมบัติต่างๆออกมา เพื่อนำไปสู่คุณสมบัติในสายเดียวกันที่สูงขึ้น

FFVII สมควรได้รับคำชมเชยในอีกหลายๆ ทาง เช่น เป็น RPG ตัวแรกที่เขย่าวงการ Console RPG อย่างแท้จริงในตลาดโลก จากสมัยก่อนที่มี RPG ภาษา Eng ออกมาเพียงปีละไม่กี่เกม หลังจาก FFVII เป็นต้นมา เราก็เจอเวอร์ชั่นแปลงจาก JAP และเวอร์ชั่นที่ผลิตใน US เองนับเป็นร้อยๆ เกมส์ ยังผลให้เราๆ ท่านๆ ที่ไม่สันทัดภาษาญี่ปุ่น ได้เริ่มรู้เรื่องรู้ราวกับตัวเกมส์มากขึ้น อีกทั้ง FFVII เอง ถือเป็นอาวุธชี้ขาดของศึก Console ในยุค 32 bit โซนี่มีชัยเหนือเซก้าได้ก็เพราะ FFVII นี่แหละครับ เพราะยอดขายของ PS ในปีนี้พุ่งขึ้น 45 % เพียงเพราะผู้คนต้องการซื้อไปเล่น FFVII เพียงอย่างเดียว ปัจจุบันถือเป็น 1 ใน 2 เกมส์ที่สร้างปรากฏการณ์แบบนี้ได้ อีกเกมส์นั้นก็ Bio Hazard 2 ไงล่ะครับ

Detial
Released: April 2, 1994 in Japan. October 1994 in USA.
Systems: Playstation (PS)
--------------------------------------------------------------------------------
Final Fantasy 8 , 9 , 10 Coming Soon

All Histories by:Sonic
The Historian